เมื่อ วันที่ 5 ธ.ค. พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. (มค) พร้อมด้วย พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ ผบช.ทท. พล.ต.ต.กฤษศักดิ์ สงมูลนาค ผบก.ทท.3 ได้ร่วมแถลงผลการจับกุมชาวจีนจำนวน 57 คน เป็นชาย 45 หญิง 12 คน ในข้อหาร่วมกันใช้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คตั้งกลุ่มและหลอกผู้เสียหายชาวจีนให้ลงทุนซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ของจีน ด้วยวิธีการแสดงตัวเป็นอาจารย์ หรือผู้เชี่ยวชาญมาคอยแนะนำเรื่องหุ้น จนผู้เสียหายหลงเชื่อและร่วมลงทุน ทำให้กลุ่มนายทุนชาวจีนได้ประโยชน์พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข

คดีนี้สืบเนื่องเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา ผบก.ทท.3 ได้สั่งให้พ.ต.ท.ภูวดล วิริยนรางกูล สว.ส.ทท.5 กก.2 บก.ทท.3 นำกำลังตำรวจท่องเที่ยวเกาะสมุย เข้าตรวจสอบโรงแรมแห่งหนึ่งในพื้นที่หมู่บ้านในหมู่ 1 ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี หลังมีผู้เสียหายที่เป็นชาวจีนเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ว่าถูกกลุ่มคนจีนหลอกให้มาทำงานบนเกาะสมุย แต่เมื่อมาถึงเกาะสมุยกลับพบว่าเป็นงานที่เกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงคนจีนด้วยกัน จึงรู้สึกไม่สบายใจและไม่อยากทำงานนี้ จึงได้มาแจ้งกับตำรวจท่องเที่ยวให้เข้าดำเนินการตรวจสอบ

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุขหลังรับทราบรายละเอียด จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ จากนั้นได้วางแผนนำกำลังเข้าตรวจสอบยังโรงแรมดังกล่าว พบห้องพักถูกดัดแปลงเป็นห้องทำงาน วางโครงข่ายระบบสื่อสารอินเตอร์เน็ตไปทุกห้อง และมีชาวจีนกลุ่มใหญ่กำลังนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตามห้องพักต่างๆของโรงแรม เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจต่างพากันตกใจ จึงได้ควบคุมตัวไว้
จากการตรวจสอบหนังสือเดินทางทุกคนไม่สามารถมาแสดงได้ โดยให้ข้อมูลตรงกันว่าหนังสือเดินทางอยู่กับผู้คุมที่เป็นชาวจีนเหมือนกัน แต่ไม่ได้อยู่ในโรงแรมดังกล่าว

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุขขณะที่จากการตรวจสอบตามห้องต่างๆพบคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะ และแบบโน๊ตบุ๊คกว่า 100 เครื่อง นอกจากนี้ยังพบโทรศัพท์มือถืออีกจำนวนมากกว่า 70 เครื่อง พร้อมด้วยอุปกรณ์ถอดโค๊ดรหัสธนาคารที่ประเทศจีนอีกจำนวนหนึ่ง

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุขคดีนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนกลุ่มนี้ ได้รับการว่าจ้างจากนายทุนชาวจีนให้เข้ามาในประเทศไทย โดยใช้วีซ่านักท่องเที่ยว โดยนายทุนชาวจีนได้ไปเช่าโรงแรมไว้ที่เกาะสมุยเพื่อใช้เป็นฐานในการกระทำความผิด แก๊งคอลเซ็นเตอร์ชาวจีนกลุ่มนี้จะใช้คอมพิวเตอร์ และโทรศัพท์มือถือเปิดแอพพลิเคชั่น และใช้โทรศัพท์มือถือตั้งกลุ่ม Wechat ขึ้นมากว่า 100 กลุ่ม ก่อนจะหลอกเหยื่อผู้เสียหายชาวจีนเข้ามาร่วมลงทุนซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ของจีน โดยการเล่นหุ้นผ่านแอพพลิเคชั่น และโอนเงินผ่านระบบออนไลน์ โดยมีผู้ร่วมขบวนการซึ่งคอลเซ็นเตอร์จะแสดงตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญการเล่นหุ้นมาคอยแนะนำการลงทุนในหุ้นประเภทต่างๆ จนผู้เสียหายหลงเชื่อนำเงินมาลงทุน ด้วยการโอนผ่านระบบออนไลน์

โดย ผบก .ทท.3 ยังได้สั่งให้สืบสวนขยายผล เพื่อจับกุมผู้ร่วมกระทำความผิดคดีดังกล่าว มาดำเนินการตามกฏหมายต่อไป