กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาท ในสัปดาห์นี้ว่ามีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 31.05-31.40 ต่อดอลลาร์ เทียบกับระดับปิดแข็งค่าที่ 31.16 ต่อดอลลาร์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วหลังแตะระดับแข็งค่าสุดในรอบเกือบ 4 เดือน ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิในตลาดหุ้นและพันธบัตรไทยมูลค่า 8.5 พันล้านบาท และ 800 ล้านบาท ตามลำดับ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรไทยยังคงลดลงต่อเนื่องตามภาวะตลาดโลก

กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า จุดสนใจหลักของตลาดการเงินโลกสัปดาห์นี้อยู่ที่การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) วันที่ 18-19 มิถุนายน ขณะที่เฟดกำลังถูกกดดันทั้งในด้านผลกระทบจากสงครามการค้าและสัญญาณภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าเฟดจะยังไม่ปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมรอบนี้ ยิ่งไปกว่านั้น หากเฟดส่งสัญญาณชัดเจนน้อยกว่าที่ตลาดประเมินไว้เกี่ยวกับโอกาสการลดดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้ เงินดอลลาร์และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรมีแนวโน้มฟื้นตัว ทั้งนี้ ตลาดมองว่ามีโอกาสสูงกว่า 80% ที่เฟดจะตัดสินใจลดดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกรกฎาคม อย่างไรก็ดี สถานการณ์ด้านการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนหลังการประชุมกลุ่มจี-20 ช่วงวันที่ 28-29 มิถุนายน จะเป็นปัจจัยชี้นำการคาดการณ์ของตลาดเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยเฟดต่อไป ส่วนในสัปดาห์นี้ ตลาดจะจับตาการประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) และธนาคารกลางอังกฤษ (บีโออี) เช่นกัน นอกจากนี้ ความผันผวนของราคาน้ำมันดิบท่ามกลางความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯและอิหร่านยังคงเป็นประเด็นที่นักลงทุนติดตามต่อเนื่อง

สำหรับปัจจัยภายในประเทศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยยอดขายรถยนต์ในประเทศเดือนพฤษภาคม เพิ่มขึ้น 3.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจากเศรษฐกิจในประเทศที่ยังขยายตัว มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและผู้มีรายได้น้อย รวมถึงการลงทุนภาครัฐและเอกชน อย่างไรก็ตาม ยอดส่งออกรถยนต์เดือนพฤษภาคมหดตัว 3.58% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนโดยการส่งออกลดลงเกือบทุกตลาด ภาพดังกล่าวสะท้อนภาวะเศรษฐกิจไทยซึ่งกำลังอาศัยแรงส่งจากอุปสงค์ในประเทศประคับประคองได้บ้าง ขณะที่การค้าโลกเผชิญความไม่แน่นอนสูงตามการชะลอตัวของอุปสงค์จากจีนและข้อพิพาทการค้าระหว่างประเทศ